อำเภอนาจะหลวย
"นาจะหลวย รวยน้ำใจ
ถิ่นวัฒนธรรมไทยสี่เผ่า เทพเจ้าภูหมากจอง
เนืองนองน้ำตกถ้ำบักเตว"
ประวัติความเป็นมา : อำเภอนาจะหลวย แต่เดิมคือตำบลนาจะหลวย ตำบลโนนสมบูรณ์ ตำบลโนนสวรรค์ ตำบลพรสวรรค์ และตำบลโสกแสง ซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของอำเภอเดชอุดม ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ไม่สะดวกแก่การติดต่อราชการ จึงได้แยกตำบลดังกล่าวออกมาตั้งเป็นกิ่งอำเภอเมื่อ ปี พ.ศ.2515 และได้ยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปี พ.ศ.2530 ที่ว่าการอำเภอ 045-379114 โทรสาร 379114
ความเป็นมาของชื่ออำเภอ : คำว่า "นาจะหลวย" เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า "จะรอย, จะ โรย เป็นภาษาส่วย ซึ่งแปลว่าพังพอน" เมื่อรวมกันเป็นชื่ออำเภอ "นาจะหลวย" แล้วมีความหมายว่า พื้นที่ปลูกข้าวที่เป็นที่อยู่อาศัยของพังพอน (ที่มา : นามานุกรมภูมิศาสตร์จังหวัดอุบลราชธานี สำนักศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี)
สถานภาพและศักยภาพภูมิปัญญาไทย : อำเภอนาจะหลวย มีภูมิปัญญา ด้านการบริหารจัดการองค์กรชุมชน สวัสดิการชุมชน ที่สำคัญ เช่น กลุ่มออมทรัพย์ องค์กรชุมชน องค์กรระดับกลุ่ม ดำเนินกิจกรรมในการส่งเสริมการออมทรัพย์ การจัดสวัสดิการชุมชนและการพัฒนาส่งเสริมอาชีพ เป็นต้น จัดเป็นภูมิปัญญาในระดับสูงมาก มีความโดดเด่นกว่าด้านอื่นๆ รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงภูมิปัญญาด้านหัตถกรรม เช่น การทอผ้าถือเป็นภูมิปัญญาในระดับศักยภาพระดับสูง ส่วนภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยด้านสมุนไพร มีการผลิตยาสมุนไพร และภูมิปัญญาด้านเกษตรกรรม โภชนาการ อาหารแปรรูป เช่น การทำปุ๋ยชีวภาพ และการทำปุ๋ยน้ำหมัก ซึ่งภูมิปัญญาทั้ง 2 ด้านนี้มีความโดดเด่นอยู่ในระดับค่อนข้างสูง
สิ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์โดดเด่นของภูมิปัญญา คือ ผ้าไหมและผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติ ตำบลโคกแสง หมอนขิด หมอนสามเหลี่ยม กลุ่มแม่ย้านห้วยขันเหนือ ตำบลนาจะหลวย เสื่อลายไทย กลุ่มแม่บ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลโนนสมบูรณ์ (ที่มา : ศักยภาพและสถานภาพของภูมิปัญญาไทย : ภูมิปัญญาไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตำบลนาจะหลวยเป็นตำบลในเขตการปกครองของอำเภอนาจะหลวย ซึ่งประกอบไปด้วย 16 หมู่บ้านและแบ่งเขตการปกครองเป็น 2 ลักษณะคือหมู่บ้านในเขตเทศบาล 6 หมู่บ้าน ได้แก่ ห้วยโลก หลักเมือง กลางเมือง ศรีพรม ห้วยซันเหนือ และห้วยซันใต้ หมู่บ้านนอกเขตเทศบาล 10 หมู่ บ้านได้แก่ บ้านนาจะหลวย ท่าก่อ แก้งเรือง คำโทน โคกใหญ่ ดงขวาง แก้งขี้เหล็ก โคกใหญ่ แก้งเรืองพัฒนา และหนองมันปลา ตำบลนาจะหลวยเมื่อก่อนเป็นถิ่นที่อยู่ของ "จะรวย" ซึ่งเป็นภาษาส่วย ภาษาไทยเรียกว่า "กะจ้อน" ซึ่งครั้งแรกชาวบ้านรกรากที่ตะหลุง ต่อมาเกิดโรคระบาดจึงย้ายลงมาตั้งรกรากที่พลาญซึ่งก็เกิดโรคระบาดอีกครั้ง จึงได้อพยพลงมาอยู่ที่นาซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์แต่พื้นที่นี้มีจะรวยทากจึง เรียกว่า "นาจะรวย" แต่เนื่องจากเป็นภาษาส่วยดังนั้นชาวบ้านจึงเรียกเพี้ยนมาเป็น "นาจะหลวย" ซึ่งใช้เป็นชื่อตำบลและอำเภอมาจนถึงทุกวันนี้ | |
สภาพทั่วไปของตำบล : | |
ส่วนใหญ่เป็นที่ราบเชิงเขาพนมดงรัก กั้นชายแดนไทย-ลาว | |
ทิศเหนือ ติดต่อกับ ต.บ้านตูม อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ทิศใต้ ติดต่อกับ สาธาณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ต.ห้วยข่า อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี | |
จำนวนประชากรในเขต อบต. 7,389 คน และจำนวนหลังคาเรือน 1,627 หลังคาเรือน | |
อาชีพหลัก ทำนา,ทำสวน,ทำไร่,ค้าขาย และรับราชการ อาชีพเสริม ทอผ้า | |
1. วัดป่าโนนนิเวศน์ 2. วัดป่านาจะหลวย 3. วัดป่าภูพลาญสูง 4. ศาลหลักเมืองอำเภอนาจะหลวย 5. ที่ว่าการอำเภอนาจะหลวย 6. ธนาคารออมสิน สาขานาจะหลวย 7. สถานีตำรวจอำเภอนาจะหลวย 8. โรงเรียนนาจะหลวย 9. น้ำตกห้วยหลวง (น้ำตกถ้ำบักเตว) 10. อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย | |
เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ : กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น | |
อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี
อำเภอนาจะหลวย ตั้ง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดอุบลราชธานี เป็นอำเภอชายแดน ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีเทือกเขาพนนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน
"นา" หมายถึงพื้นที่ทำเล เมื่อรวมคำว่า"นาจะหลวย"จึงมีความหมายว่า ทำเลของกระจ้อน ซึ่งบ่งบอกและแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ด้านการเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติของอำเภอนาจะหลวย
คำว่า “จะหลวย” มาจากภาษาส่วย(ภาษาประจำถิ่น) แปลว่า “กระจ้อน” ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของอำเภอนาจะหลวย โดยจะมีลักษณะกล้ายกับกระรอก
อำเภอนาจะหลวยเดิมเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเดชอุดม ต่อมาได้รับการยกฐานะขึ้น เป็นอำเภอเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๒๐
เป็นชุมชนที่อยู่ของชาวสี่เผ่า ประกอบด้วยไทย ลาว เขมร และ ส่วย ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ราษฎรประกอบอาชีพด้านการเกษตร หาของป่า นับถือศาสนาพุทธ รวมทั้งการเชื่อถือภูตผีเจ้าป่าเจ้าเขา
ภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร คือ ภาษาลาวอีสาน รวมทั้งภาษาส่วยที่ใในเขตบ้านแก้งเรือง บ้านแก้งขี้เหล็ก ตำบลนาจะหลวย
ปัจจุบัน ร้อย ละ ๘๐ ของประชากรเป็นราษฎรที่อพยพมาจากพื้นที่ต่างๆ เช่น จากจังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอำนาจเจริญ อำเภอพิบูลมังสาหาร และอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
นาจะหลวย
ตอบลบเช่นกัน
ลบอยากทราบประวัติแต่ละหมู่บ้านมีไหมค่ะ
ตอบลบhttp://numnachaluai.blogspot.com/ ฝากด้วยครับ
ตอบลบhttp://numnachaluai.blogspot.com/ ฝากด้วยครับ
ตอบลบhttp://numnachaluai.blogspot.com/ ฝากด้วยครับ
ตอบลบอยากทราบว่ามีโรงเรียนอะไรบ้างครับ
ตอบลบ